3 วัสดุสำหรับแขวน ชิงช้าไม้จริง เลือกอะไรดีที่สุด

การเลือกวัสดุสำหรับแขวน ชิงช้าไม้จริง เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้เข้ากับทั้งความต้องการด้านความปลอดภัย, ความสวยงาม, ความเป็นธรรมชาติ, และการเข้ากับบรรยากาศโดยรวม ไม่ว่าจะเป็น ชิงช้าไม้สัก, ชิงช้าไม้เนื้อแข็ง, หรือชิงช้าที่ผลิตจากไม้เรดแกรนดิส วัสดุที่ใช้ในการแขวนมีส่วนสำคัญในการกำหนดทั้งความทนทานและความสวยงามของชิงช้า

1. เชือกมะนิลา

ความปลอดภัย: เชือกมะนิลามีความทนทานสูงต่อการเสียดสีและสภาพอากาศต่างๆ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการแขวน ชิงช้าไม้จริง ในพื้นที่กลางแจ้ง

ความสวย: ด้วยลักษณะที่เป็นธรรมชาติ การใช้เชือกมะนิลาในการแขวนชิงช้าสามารถเพิ่มความรู้สึกอบอุ่นและเชื่อมโยงกับธรรมชาติได้เป็นอย่างดี

เข้ากับบรรยากาศ: เชือกมะนิลาเหมาะอย่างยิ่งสำหรับบรรยากาศแบบรัสติกหรือทรอปิคอล ช่วยให้ชิงช้าดูเข้ากับสภาพแวดล้อมรอบข้าง

2. โซ่สแตนเลสสำหรับแขวน

ความปลอดภัย: โซ่สแตนเลสมีความแข็งแรงและทนทานสูง สามารถรับน้ำหนักได้ดีและไม่เป็นสนิม เหมาะสำหรับการใช้งานระยะยาว

ความสวย: โซ่สแตนเลสมีลักษณะที่ทันสมัยและเรียบหรู สามารถเข้ากับการออกแบบชิงช้าแบบโมเดิร์นหรือมินิมอลได้ดี

เข้ากับบรรยากาศ: สำหรับบรรยากาศที่ต้องการความทันสมัยและสะอาดตา โซ่สแตนเลสเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม

3. สลิงสำหรับแขวน

ความปลอดภัย: สลิงทำจากวัสดุที่มีความแข็งแรงสูง สามารถรับน้ำหนักและการใช้งานที่หนักหน่วงได้ดี ให้ความมั่นใจในความปลอดภัย

ความสวย: สลิงมีหลายสีและสามารถเลือกให้เข้ากับสีของชิงช้าได้ ช่วยให้การออกแบบมีความหลากหลายและสวยงาม

เข้ากับบรรยากาศ: สลิงเหมาะสำหรับทุกสภาพแวดล้อม ทั้งในและนอกอาคาร ให้ความรู้สึกทันสมัยและมีสไตล์

สรุป 3 วัสดุสำหรับแขวนชิงช้าไม้จริง เลือกอะไรดีที่สุด?

ชิงช้าไม้จริง เป็นเฟอร์นิเจอร์กลางแจ้งที่เพิ่มเสน่ห์ให้กับสวน พื้นที่พักผ่อน หรือมุมโปรดของคุณ ชิงช้าไม้สัก และ ชิงช้าไม้เนื้อแข็ง จากโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ของเรา ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ดีไซน์สวยงาม ทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน

หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยคือ วัสดุสำหรับแขวนชิงช้าไม้จริง ควรเลือกแบบไหนดี? บทความนี้ เราขอแนะนำ 3 วัสดุยอดนิยม พร้อมข้อดี ข้อเสีย และมุมมองต่างๆ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกวัสดุที่เหมาะกับชิงช้าและพื้นที่ของคุณ

1. เชือกมะนิลา:

ความปลอดภัย: เชือกมะนิลามีความแข็งแรง ทนทาน รองรับน้ำหนักได้ดี
ความสวย: ให้ความรู้สึกคลาสสิก กลมกลืนกับธรรมชาติ
ความเป็นธรรมชาติ: ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ 100%
เข้ากับบรรยากาศ: เหมาะกับสวน รีสอร์ท หรือพื้นที่สไตล์ธรรมชาติ
ข้อเสีย: เชือกมะนิลาอาจเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าวัสดุอื่น ต้องการการดูแลรักษา และทำความสะอาดเป็นประจำ
ราคา: ปานกลาง

2. โซ่สแตนเลสสำหรับแขวน:

ความปลอดภัย: โซ่มีความแข็งแรง ทนทาน รับน้ำหนักได้มาก
ความสวย: ให้ความรู้สึกโมเดิร์น เรียบหรู
ความเป็นธรรมชาติ: ผลิตจากโลหะ
เข้ากับบรรยากาศ: เหมาะกับพื้นที่สไตล์โมเดิร์น ลอฟท์ หรือมินิมอล
ข้อเสีย: โซ่อาจเกิดสนิมได้ ต้องการการดูแลรักษา
ราคา: สูง

3. สลิงสำหรับแขวน:

ความปลอดภัย: สลิงมีความแข็งแรง ทนทาน รับน้ำหนักได้มาก
ความสวย: ให้ความรู้สึกเรียบง่าย ทันสมัย
ความเป็นธรรมชาติ: ผลิตจากโลหะ
เข้ากับบรรยากาศ: เหมาะกับพื้นที่หลากหลายสไตล์
ข้อเสีย: สลิงอาจเกิดสนิมได้ ต้องการการดูแลรักษา
ราคา: สูง

สรุป:

• เชือกมะนิลา: เหมาะกับผู้ที่ต้องการความคลาสสิก กลมกลืนกับธรรมชาติ
• โซ่สแตนเลส: เหมาะกับผู้ที่ต้องการความโมเดิร์น เรียบหรู
• สลิง: เหมาะกับผู้ที่ต้องการความเรียบง่าย ทันสมัย

ปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องพิจารณา:

• สไตล์ของชิงช้า: เลือกวัสดุแขวนให้เข้ากับสไตล์ของชิงช้า
• พื้นที่: เลือกวัสดุแขวนให้เหมาะกับสไตล์ของพื้นที่
• งบประมาณ: เลือกวัสดุแขวนที่เหมาะกับงบประมาณ
• การดูแลรักษา: เลือกวัสดุแขวนที่ดูแลรักษาง่าย

โรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ ของเรามีประสบการณ์กว่า 23 ปี

ชิงช้าไม้จริง ของเราผลิตจากไม้สักเก่าคุณภาพสูง ไม้เนื้อแข็ง ไม้เรดแกรนดิส

บริการของเรา:

• ออกแบบ 3D
• ประเมินราคารวดเร็ว
• วัดหน้างาน
• บริการก่อนและหลังการขาย
• จัดส่ง ติดตั้ง

เลือกชิงช้าไม้จริง จากเรา ให้เราช่วยเนรมิตพื้นที่พักผ่อนของคุณให้สวยงาม ลงตัว

การเลือกวัสดุสำหรับแขวน ชิงช้าไม้จริง ควรพิจารณาจากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัย, ความสวยงาม, ความเป็นธรรมชาติ, และการเข้ากับบรรยากาศโดยรวม เพื่อให้ได้ชิงช้าที่ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของการใช้งานและความสวยงาม

10 idea เลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้อย่างไร ให้เข้ากับสไตล์บ้าน

คำแนะนำเบื้องต้น

สวัสดีครับ เพื่อน ๆ ทุกคน วันนี้ผมจะมาแชร์เทคนิคการเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ให้เข้ากับสไตล์บ้านของคุณกันครับ เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยมีคำถามว่าควรเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบไหนดี ถึงจะเข้ากับสไตล์บ้านของเราได้ วันนี้ผมมีคำตอบแบบชัดๆ มาให้ครับ

ข้อดีหากคุณเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ได้อย่างลงตัวกับสไตล์ของบ้านของคุณ

• เฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะมีความคลาสสิก หรูหรา และทนทาน
• การเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ให้เข้ากับสไตล์บ้านจะช่วยให้บ้านของเราดูสวยงามและน่าอยู่ยิ่งขึ้น

ข้อเสียหากคุณการเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ได้อย่างลงตัวกับสไตล์ของบ้านของคุณ

• หากเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ผิดอาจทำให้บ้านของเราดูไม่เข้ากัน ดูขัดแย้ง และทำให้บ้านดูไม่น่าอยู่

10 เทคนิค ในการเลือกเฟอร์นิเจอร์ไม้ ให้เข้ากับสไตล์บ้านของคุณ มีดังต่อไปนี้

1. เข้าใจทฤษฎีสี

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจทฤษฎีสีก่อน ว่าสีแต่ละสีมีความหมายอย่างไร สีแต่ละสีส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึกอย่างไร เมื่อเราเข้าใจทฤษฎีสีแล้ว เราก็จะสามารถเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ให้เหมาะสมกับสไตล์บ้านของเราได้ รวมถึงการสำรวจโทนสีหลักๆของบ้านของเรา ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง

สีโทนร้อน เช่น สีแดง สีเหลือง สีส้ม ***ให้ความรู้สึกอบอุ่น สดใส มีชีวิตชีวา***

สีโทนเย็น เช่น สีน้ำเงิน สีฟ้า สีม่วง ***ให้ความรู้สึกเย็นสบาย ผ่อนคลาย***

สีกลาง เช่น สีขาว สีดำ สีน้ำตาล ***ให้ความรู้สึกเรียบง่าย คลาสสิก***

การประยุกต์ใช้ทฤษฎีสีกับการเลือกสีเบาะผ้า สีเบาะหนัง สีหมอนอิง รวมถึงกระจกสีชา กระจกสีดำ ของเก้าอี้ โซฟา และเฟอร์นิเจอร์ไม้ ก็มีความสำคัญเช่นกัน

สีของเบาะผ้า สีเบาะหนัง ของเก้าอี้ โซฟา และเฟอร์นิเจอร์ไม้ มีผลต่อความสวยงาม บรรยากาศ และอารมณ์ของห้อง โดยสามารถประยุกต์ใช้ทฤษฎีสีได้ดังนี้

• สีร้อน เหมาะสำหรับห้องที่ต้องการความรู้สึกอบอุ่น สดใส มีชีวิตชีวา เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร
• สีกลาง เหมาะสำหรับห้องที่ต้องการความรู้สึกเรียบง่าย คลาสสิก เช่น ห้องนอน ห้องทำงาน
• สีเย็น เหมาะสำหรับห้องที่ต้องการความรู้สึกเย็นสบาย ผ่อนคลาย เช่น ห้องนอน ห้องอ่านหนังสือ

นอกจากนี้ ยังสามารถประยุกต์ใช้ทฤษฎีสีตามหลักการต่าง ๆ ดังนี้

• หลักการเสริมกัน การใช้สีตรงข้ามกัน เช่น แดงกับน้ำเงิน เขียวกับแดง เหลืองกับม่วง จะช่วยสร้างจุดเด่นให้กับห้อง
• หลักการกลมกลืน การใช้สีที่อยู่ใกล้กันบนวงล้อสี เช่น เหลืองกับส้ม แดงกับม่วง น้ำเงินกับเขียว จะช่วยสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย
• หลักการตัดกัน การใช้สีที่อยู่ตรงข้ามกันบนวงล้อสี แต่มีปริมาณที่แตกต่างกัน เช่น แดงกับน้ำเงินเข้ม เหลืองกับม่วงอ่อน เขียวกับน้ำเงินอ่อน จะช่วยสร้างความรู้สึกน่าสนใจ

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ทฤษฎีสี

• ห้องนั่งเล่น ต้องการความรู้สึกอบอุ่น สดใส มีชีวิตชีวา สามารถใช้สีร้อน เช่น สีแดง สีเหลือง สีส้ม ในการทาผนัง หรือเลือกเบาะผ้า สีเบาะหนัง ของเก้าอี้ โซฟา และเฟอร์นิเจอร์ไม้ ให้มีสีสันสดใส
• ห้องนอน ต้องการความรู้สึกผ่อนคลาย สบายตา สามารถใช้สีเย็น เช่น สีน้ำเงิน สีฟ้า สีม่วง ในการทาผนัง หรือเลือกเบาะผ้า สีเบาะหนัง ของเก้าอี้ โซฟา และเฟอร์นิเจอร์ไม้ ให้มีสีสันอ่อน ๆ
• ห้องทำงาน ต้องการความรู้สึกเรียบง่าย สมาธิ สามารถใช้สีกลาง เช่น สีขาว สีดำ สีน้ำตาล ในการทาผนัง หรือเลือกเบาะผ้า สีเบาะหนัง ของเก้าอี้ โซฟา และเฟอร์นิเจอร์ไม้ ให้มีสีสันเรียบ ๆ

การเลือกสีเบาะผ้า สีเบาะหนัง ของเก้าอี้ โซฟา และเฟอร์นิเจอร์ไม้ ควรพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น สไตล์การตกแต่งบ้าน การใช้งานของห้อง ขนาดของห้อง และงบประมาณ เพื่อให้ได้สีที่เหมาะกับห้องของเรามากที่สุด

2. เลือกสีที่เหมาะกับจุดประสงค์ของห้อง

นอกจากความสวยงามแล้ว เรายังต้องคำนึงถึงการใช้งานของห้องด้วย เช่น หากห้องนอนเป็นห้องพักผ่อน เราควรเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่สบายตา เช่น สีน้ำตาลอ่อน สีครีม สีโทนอ่อน เป็นต้น หากห้องนั่งเล่นเป็นห้องสำหรับสังสรรค์กับเพื่อนฝูง เราควรเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่สดใส เช่น สีโอ๊ค สีดำ สีน้ำตาลเข้มๆ เป็นต้น

3. พิจารณาขนาดของพื้นที่

หากห้องของเรามีขนาดเล็ก เราควรเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่สว่าง เช่น สีขาว สีครีม สีอ่อน เป็นต้น เพื่อให้ห้องดูกว้างขึ้น

4. เสริมบรรยากาศของห้องปัจจุบันของคุณ ด้วยการใช้โทนสีเข้าช่วย

หากห้องของเรามีโทนสีอ่อน เราควรเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่เข้มกว่า เพื่อให้ห้องดูมีมิติมากขึ้น

5. ปรับสมดุลโทนสีอุ่น และโทนเย็น ในห้องของคุณ

หากห้องของเรามีโทนสีอุ่น เราก็ควรเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่โทนเย็น เพื่อให้ห้องดูไม่อึดอัด

6. เลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ตามสไตล์บ้าน

หากบ้านของเราเป็นสไตล์โมเดิร์น เราก็ควรเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่เรียบง่าย เช่น สีขาว สีดำ เป็นต้น หากบ้านของเราเป็นสไตล์คลาสสิก เราก็ควรเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่อบอุ่น เช่น สีน้ำตาล เป็นต้น

7. เลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ตามโทนสีห้อง

หากห้องของเรามีโทนสีสว่าง เราก็ควรเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่เข้มกว่า เพื่อให้ห้องดูมีมิติมากขึ้น หากห้องของเรามีโทนสีเข้ม เราก็ควรเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่สว่างกว่า เพื่อให้ห้องดูไม่อึดอัด

8. เลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ตามการใช้งาน

หากเฟอร์นิเจอร์ไม้ชิ้นนั้นใช้ในห้องครัว เราควรเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ทนทาน เช่น สีน้ำตาล เป็นต้น หากเฟอร์นิเจอร์ไม้ชิ้นนั้นใช้ในห้องนอน เราควรเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่สบายตา เช่น สีครีม สีโทนอ่อน เป็นต้น

9. เลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ตามงบประมาณ

ราคาของเฟอร์นิเจอร์ไม้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ชนิดของไม้ ขนาดของเฟอร์นิเจอร์ เทคนิคการทำสี เป็นต้น หากเรามีงบประมาณจำกัด เราก็ควรเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่เรียบง่าย เช่น สีน้ำตาล เป็นต้น

10. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

หากเรายังตัดสินใจไม่ได้ว่าเราควรเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบไหนดี เราก็สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้ ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยเราเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่เหมาะกับสไตล์บ้าน และการใช้งานของเรามากที่สุด และขอเพิ่มเติมอีก 1 เรื่องคือ เรื่อง Texture หรือผิวสัมผัสของไม้ ก็มีผลต่อการตกแต่งบ้านด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ ให้เข้ากับสไตล์ของบ้านด้วย เช่นกัน ดังต่อไปนี้

ผิวไม้ มีความสำคัญต่อการเลือกเฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นอย่างมาก เพราะสามารถส่งผลต่อความสวยงามและความรู้สึกของเฟอร์นิเจอร์ไม้ได้

ความแตกต่างของ Texture ผิวไม้

• ขัดเรียบ เป็น Texture ที่เรียบเนียน ไม่มีลายไม้ ไม่มีร่องรอยการกรอ เหมาะสำหรับเฟอร์นิเจอร์ไม้สไตล์โมเดิร์นที่ต้องการความเรียบง่าย
• กรอลายตื้น เป็น Texture ที่มีการกรอลายไม้เล็กน้อย ร่องรอยการกรอไม่ลึกมาก เหมาะสำหรับเฟอร์นิเจอร์ไม้สไตล์คลาสสิกที่ต้องการความหรูหรา
• กรอลายไม้ลึกๆ เป็น Texture ที่มีการกรอลายไม้ลึก ร่องรอยการกรอชัดเจน เหมาะสำหรับเฟอร์นิเจอร์ไม้สไตล์ลอฟท์ที่ต้องการความดิบเท่

การนำไปปรับใช้กับสไตล์ของบ้าน

• สไตล์โมเดิร์น นิยมใช้ Texture ผิวไม้แบบขัดเรียบ เพราะให้ความรู้สึกเรียบง่าย ทันสมัย
• สไตล์คลาสสิก นิยมใช้ Texture ผิวไม้แบบกรอลายตื้น เพราะให้ความรู้สึกหรูหรา สง่างาม
• สไตล์ลอฟท์ นิยมใช้ Texture ผิวไม้แบบกรอลายไม้ลึกๆ เพราะให้ความรู้สึกดิบเท่

ตัวอย่าง Texture ผิวไม้

• โต๊ะไม้ขัดเรียบ เหมาะสำหรับบ้านสไตล์โมเดิร์นที่ต้องการความเรียบง่าย
• ตู้ไม้กรอลายตื้น เหมาะสำหรับบ้านสไตล์คลาสสิกที่ต้องการความหรูหรา
• เก้าอี้ไม้กรอลายไม้ลึกๆ เหมาะสำหรับบ้านสไตล์ลอฟท์ที่ต้องการความดิบเท่

สรุป

การเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ให้เข้ากับสไตล์บ้านนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เราเข้าใจทฤษฎีสี พิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เราก็จะสามารถเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ ให้สวย ถูกใจ และลงตัวกับสไตล์บ้านของคุณได้อย่างแน่นอน

รวมถึง Texture ผิวไม้เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ควรพิจารณาในการเลือกเฟอร์นิเจอร์ไม้ เพราะสามารถส่งผลต่อความสวยงามและความรู้สึกของเฟอร์นิเจอร์ไม้ได้ การเลือก Texture ผิวไม้ให้เหมาะกับสไตล์ของบ้านจะช่วยให้บ้านของเราดูสวยงามและน่าอยู่ยิ่งขึ้น

ติดต่อเรา

หากท่านคิดไม่ออก หรือต้องการไอเดียในการเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ให้เข้ากับสไตล์บ้านของท่าน ก็สามารถติดต่อทีมงานออกแบบของทางโรงงาน ซึ่งทีมงานออกแบบของเรา มีประสบการณ์การออกแบบเฟอร์นิเจอร์ไม้มามากกว่า 10 ปี ยินดีให้คำปรึกษาและช่วยเหลือท่านอย่างเต็มที่ เพื่อให้ท่านสามารถเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่เหมาะกับบ้านของท่านได้อย่างลงตัว ติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาได้ฟรีทันที!

ชิงช้าไม้แขวนแบบไหนดี? เชือก โซ่ หรือสลิง?

คำแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับการเลือกวัสดุแขวนชิงช้าไม้

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ที่กำลังมองหา ชิงช้าไม้แขวนเชือก หรือ ชิงช้าไม้สักสวยๆ สักตัว แต่ไม่รู้ว่าจะแขวนด้วยวัสดุแบบไหนดี วันนี้ผมจะมาแชร์ความรู้เกี่ยวกับวัสดุแขวนชิงช้าไม้ 3 แบบ ได้แก่ เชือกมะนิลา โซ่สแตนเลส และ สลิงสำหรับแขวน เผื่อจะช่วยให้เพื่อนๆ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะครับ

ชิงช้าไม้แขวนเชือก เป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นสำคัญที่จะเพิ่มความสวยงามและมูลค่าให้กับบ้านของคุณ การเลือกวัสดุแขวนชิงช้าไม้ให้เหมาะกับการใช้งานและสไตล์การตกแต่งของคุณเป็นสิ่งสำคัญ

วัสดุแขวน ชิงช้าไม้ มีให้เลือกหลายแบบหลายสไตล์ แต่ละแบบมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน การเลือกวัสดุแขวนชิงช้าไม้ให้ตรงใจอาจไม่ใช่เรื่องง่าย บทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ เริ่มต้นและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

1. เชือกมะนิลา

เชือกมะนิลาเป็นวัสดุที่ทำจากพืชธรรมชาติ มีความทนทานและยืดหยุ่น ทำให้เหมาะสมในการใช้แขวน ชิงช้าไม้ แต่ก็ต้อง ระวังเรื่องความชื้นและแดดจัดที่อาจทำให้เชือกเสื่อมสภาพ เชือกมะนิลาเป็นวัสดุแขวนชิงช้าไม้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากมีความยืดหยุ่นสูง ทนทานต่อการสึกหรอ และราคาประหยัด

ข้อดี:

• มีความยืดหยุ่นสูง ทำให้ชิงช้าไม้เคลื่อนไหวได้นุ่มนวล
• ทนทานต่อการสึกหรอ
• ราคาประหยัด

ข้อเสีย:

• มีโอกาสขาดหรือพันกันได้ง่าย

2. โซ่สแตนเลส

โซ่สแตนเลสมีความแข็งแรงและทนทานต่อสภาพอากาศ ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการแขวน ชิงช้าไม้แขวนโซ่ ในที่ที่มีความชื้นหรือต้องการความทนทานที่สูง โซ่สแตนเลสเป็นวัสดุแขวนชิงช้าไม้ที่ทนทานและแข็งแรง มีอายุการใช้งานยาวนาน

ข้อดี:

• ทนทานและแข็งแรง
• มีอายุการใช้งานยาวนาน
• ไม่เป็นสนิม

ข้อเสีย:

• โซ่อาจหนักและแข็งกว่าเชือก
• ราคาสูงกว่าเชือก

3. สลิงสำหรับแขวน

สลิงเป็นวัสดุที่มีความยืดหยุ่นและสามารถทนน้ำหนักได้มาก ทำให้เหมาะสมสำหรับการแขวน ชิงช้าไม้แขวนสลิง ที่ต้องการความยืดหยุ่นและความทนทาน สลิงสำหรับแขวนเป็นวัสดุแขวนชิงช้าไม้ที่ทนทานและแข็งแรง รองรับน้ำหนักได้ดี

ข้อดี:

• ทนทานและแข็งแรง
• รองรับน้ำหนักได้ดี
• ไม่เป็นสนิม

ข้อเสีย:

• ราคาสูงกว่าเชือกและโซ่

วิธีเลือกวัสดุแขวนชิงช้าไม้ให้เหมาะกับการใช้งาน

การเลือกวัสดุแขวนชิงช้าไม้ให้เหมาะกับการใช้งานและสไตล์การตกแต่งของคุณเป็นสิ่งสำคัญ คุณสามารถพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้

• การใช้งาน: หากคุณมีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยงในบ้าน ควรเลือกวัสดุแขวนชิงช้าไม้ที่ปลอดภัยและทนทาน
• สไตล์การตกแต่ง: เลือกวัสดุแขวนชิงช้าไม้ให้เข้ากับสไตล์การตกแต่งของคุณ
• งบประมาณ: วัสดุแขวนชิงช้าไม้แต่ละแบบมีราคาแตกต่างกัน เลือกวัสดุแขวนชิงช้าไม้ที่เหมาะกับงบประมาณของคุณ

สรุป

การเลือกวัสดุแขวนชิงช้าไม้ให้เหมาะกับการใช้งานและสไตล์การตกแต่งของคุณเป็นสิ่งสำคัญ คุณสามารถพิจารณาปัจจัยต่างๆ ตามที่กล่าวมาข้างต้น หากคุณยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกวัสดุแขวนชิงช้าไม้แบบไหนดี คุณสามารถปรึกษาทีมออกแบบของโรงงานเราได้ เรายินดีให้คำปรึกษาและช่วยคุณเลือกวัสดุแขวนชิงช้าไม้ที่ตรงใจคุณ

การเลือกวิธีการแขวน ชิงช้าไม้ ขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพแวดล้อมที่ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเชือกมะนิลา โซ่สแตนเลส หรือสลิง ทั้งหมดนี้สามารถตอบสนองความต้องการของคุณได้ดี

ติดต่อเรา:

หากคุณกำลังมองหาชิงช้าไม้สักสวยๆ สักตัว อย่าลืมติดต่อเข้ามาพูดคุยกับทีมออกแบบของโรงงานเราได้เลยนะครับ เรายินดีให้คำปรึกษาและช่วยคุณเลือกชิงช้าไม้สักที่ตรงใจคุณ

15 คำแนะนำในการใช้ชิงช้าไม้สัก ชิงช้าไม้จริง ตกแต่งสวน

เมื่อพูดถึงการตกแต่งสวน, การเลือกใช้ชิงช้าไม้สัก และ ชิงช้าไม้จริง เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ไม่เพียงแต่ชิงช้าจะเพิ่มความสวยงามให้กับสวนของคุณ แต่ยังเป็นสิ่งที่สามารถเพิ่มความสุขให้กับครอบครัวทุกคนได้ด้วย แต่ก่อนที่คุณจะตัดสินใจเลือกชิงช้า มาดูกันว่าควรเตรียมตัวอย่างไร

1. ชิงช้าไม้ในสวน:
   • การเลือกใช้ชิงช้าไม้สักจากโรงงานที่มีประสบการณ์การผลิต 23 ปี จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ
2. ชิงช้าไม้สักของโรงงาน:
   • ไม้สักเก่า และไม้สักจริง ที่มีความหนา 3 cm จะทำให้ชิงช้าของคุณมีความทนทาน และมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามเวลา
3. ชิงช้าไม้จริงของโรงงาน:
   • ไม้เนื้อแข็งเก่า ที่ทนทาน และคุ้มค่า จะทำให้คุณได้รับความคุ้มค่าในการลงทุน
4. ขนาดของชิงช้า:
   • การเลือกชิงช้าที่มีขนาดใหญ่ 3-5 ที่นั่ง จะทำให้สมาชิกทุกคนในครอบครัวได้นั่งสบาย
5. ประโยชน์ของชิงช้า:
   • ชิงช้าไม้สักจะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการให้กับเด็ก และเป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับทุกคนในครอบครัว
6. โครงสร้างของชิงช้า:
   • เลือกชิงช้าที่มีโครงสร้างเหล็กสีดำ ที่มีการทำสีอบ Powder Coat เพื่อเพิ่มความแข็งแรง
7. หลังคาชิงช้า:
   • คุณสามารถเลือกหลังคาชิงช้าไม้จากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นหลังคาผ้าใบ หรือหลังคาไม้ระแนง
8. Option ของชิงช้า:
   • คุณสามารถเพิ่ม Option เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย เช่น ที่วางแก้ว หรือเบาะผ้า
9. ทีมช่างของโรงงาน:
   • การมีทีมช่างที่มาวัดหน้างาน จะทำให้การติดตั้งชิงช้าของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น
10. การรับประกัน:
    • การมีการรับประกันสินค้า 1 ปี จะทำให้คุณมั่นใจในคุณภาพของสินค้า
11. ทีมงานขาย:
    • ทีมงานขายที่คอยให้บริการตลอด จะทำให้คุณรู้สึกสบายใจ
12. ทีมงานออกแบบ:
    • ทีมงานออกแบบที่มีประสบการณ์ จะให้คำปรึกษาและออกแบบให้กับคุณ
13. การดูแลลูกค้า:
    • ทีมงานของเราจะดูแลคุณตั้งแต่ต้นจนจบ และหลังการขาย
14. การติดตั้ง:
    • ทีมช่างของเราจะทำการติดตั้งที่บ้านของคุณ และให้บริการดีที่สุด
15. การให้บริการ:
    • ทีมงานขายของเราจะให้บริการคุณตั้งแต่ต้นจนจบ และหลังการขาย

เมื่อคุณได้อ่านข้อมูลทั้งหมดนี้แล้ว คุณจะรู้ว่าการเลือกใช้ชิงช้าไม้สัก และ ชิงช้าไม้จริง ในการตกแต่งสวน ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ควรเลือกใช้จากโรงงานที่มีประสบการณ์ และมีคุณภาพ หากคุณต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม กรุณาติดต่อเราที่โรงงาน เพื่อพูดคุยกับทีมออกแบบของเรา

10 คำแนะนำในการเตรียมสถานที่ติดตั้งชิงช้าไม้

เมื่อคุณต้องการติดตั้งชิงช้าไม้ในบ้านหรือสวนของคุณ การเตรียมสถานที่ให้เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ไม่เพียงแต่จะทำให้ชิงช้าไม้ของคุณมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แต่ยังช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด

1. ตรวจสอบความแข็งแรงของพื้นที่ เมื่อต้องการติดตั้งชิงช้าไม้ ควรตรวจสอบความแข็งแรงของพื้นที่ที่จะติดตั้ง ไม่ว่าจะเป็นพื้นดิน หรือพื้นคอนกรีต เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถรองรับน้ำหนักของชิงช้าและผู้ใช้งานได้

2. หลีกเลี่ยงการติดตั้งในพื้นที่ที่มีแดดจัด การติดตั้งชิงช้าไม้ในพื้นที่ที่มีแดดจัดอาจทำให้ไม้แห้งเร็ว และเสื่อมสภาพได้เร็ว ควรเลือกติดตั้งในพื้นที่ที่มีร่มเงา

3. พื้นที่ที่มีการระบายน้ำดี เพื่อป้องกันน้ำขัง ซึ่งอาจทำให้ชิงช้าไม้เสื่อมสภาพได้เร็ว ควรเลือกติดตั้งในพื้นที่ที่มีการระบายน้ำที่ดี

4. ระยะห่างจากสิ่งกีดขวาง ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าชิงช้าไม้ไม่ได้ติดตั้งใกล้กับต้นไม้ หรือสิ่งกีดขวางอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดอันตราย

5. การตรวจสอบอุปกรณ์ติดตั้ง ก่อนการติดตั้ง ควรตรวจสอบอุปกรณ์ติดตั้งว่าครบถ้วน และพร้อมใช้งาน

6. ความสูงของชิงช้า ควรตรวจสอบความสูงของชิงช้าไม้ให้เหมาะสมกับผู้ใช้งาน ไม่ให้สูงหรือต่ำเกินไป

7. การตรวจสอบความปลอดภัย หลังจากติดตั้งชิงช้าไม้เรียบร้อย ควรตรวจสอบความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบน็อต หรือสกรูว่าแน่นดี

8. การดูแลรักษา เพื่อให้ชิงช้าไม้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ควรดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ

9. การป้องกันแมลง ควรใช้วิธีป้องกันแมลง ไม่ว่าจะเป็นการทายาป้องกันแมลง หรือวิธีอื่นๆ เพื่อป้องกันการทำลายจากแมลง

10. การป้องกันน้ำ ในกรณีที่ติดตั้งชิงช้าไม้กลางแจ้ง ควรมีการป้องกันน้ำ เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพจากน้ำ

ในการเตรียมตัวติดตั้งชิงช้าไม้ การตรวจสอบและเตรียมพื้นที่ให้เหมาะสมเป็นสิ่งที่สำคัญ หากคุณต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม หรือต้องการทีมงานมืออาชีพมาช่วยในการติดตั้ง ติดต่อเราที่โรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้สักของเราได้เลย!

ชิงช้าไม้ 16 เคล็ดลับ เลือกยังไงให้เข้ากับบ้าน แต่งบ้านสวย

สวัสดีครับเพื่อนๆ! หากคุณกำลังมองหาชิงช้าไม้สักหรือชิงช้าไม้ที่เหมาะสมสำหรับบ้านของคุณ คุณมาถูกที่แล้ว! วันนี้เรามีเคล็ดลับ 16 ข้อที่จะช่วยให้คุณเลือกชิงช้าไม้ที่คุ้มค่า และเหมาะสมกับบ้านของคุณ พร้อมทั้งเคล็ดลับจากทีมงานออกแบบของโรงงานที่มีประสบการณ์ 23 ปี มาแชร์ให้คุณฟัง!

1. เลือกชิงช้าที่ผลิตจาก โรงงานผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ ที่มีประสบการณ์การผลิต 23 ปี

• การเลือกชิงช้าไม้จากโรงงานที่มีประสบการณ์ยาวนาน จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ และทนทาน

2. เลือกวัสดุ ที่คุ้มค่าและทนทาน อยู่ได้นานยาวนานนับ 10 ปี

• 2.1 ชิงช้าไม้สัก ของทางโรงงานเรา ทำจากไม้สักเก่า ไม้สักจริง แบบหนา ความหนา 3 cm. ทั้งตัว เน้นคัดไม้สวยๆ คุณภาพสูง ลดปัญหาปลวก แมลง และมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา
• 2.2 ชิงช้าไม้จริงของโรงงานเรา ทำจากไม้เนื้อแข็งเก่า (ไม้แดง/ไม้เต็ง/ไม้รังหรือไม้เปา) แบบหนา 3 cm. ทั้งตัว ทนทาน คุ้มค่ากว่า อยู่ในนาน

3. ชิงช้าไม้ส่วนใหญ่ของทางโรงงาน ถูกออกแบบให้มีที่นั่งขนาดใหญ่ 3-5 ที่นั่ง

• การเลือกชิงช้าไม้ที่มีที่นั่งขนาดใหญ่ จะทำให้สมาชิกทุกคนในครอบครัวได้นั่งสบาย และคุ้มค่ากว่า

4. ไกวได้ ผักผ่อนได้ เพิ่มพัฒนาการให้กับเด็กๆ

• ชิงช้าไม้ที่มีการออกแบบให้สามารถไกวได้ จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการให้กับเด็ก และเป็นสถานที่พักผ่อนที่ดีสำหรับทุกเพศทุกวัย

5. โครงสร้างของชิงช้าเป็นเหล็กสีดำ ทำสีอบ Powder Coat

• การเลือกชิงช้าไม้ที่มีโครงสร้างเหล็กสีดำ และทำสีอบ Powder Coat จะทำให้ชิงช้าไม้ของคุณมีความแข็งแรง และลดการเกิดสนิม

6. เลือกชนิดของหลังได้หลากหลาย ซึ่งเราสรุปข้อดี ข้อเสีย ของหลังคาชิงช้าไม้ทั้ง 3 แบบ ไว้ดังต่อไปนี้:

6.1 หลังคาผ้าใบแบบ Outdoor

• ข้อดี: ราคาถูก น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ระบายอากาศได้ดี ทนต่อรังสี UV
• ข้อเสีย: ขาดความแข็งแรงทนทาน อาจจะขาดหรือฉีกขาดได้ง่าย
• สรุปสั้นๆ: เหมาะกับการใช้งานชั่วคราวหรือในงบประมาณจำกัด

6.2 หลังคาไม้ระแนง

• ข้อดี: แข็งแรงทนทาน ระบายอากาศได้ดี สวยงามตามธรรมชาติ
• ข้อเสีย: น้ำหนักค่อนข้างมาก ติดตั้งยาก อาจจะรั่วซึมได้
• สรุปสั้นๆ: เหมาะกับการใช้งานถาวรหรือต้องการความสวยงาม

6.3 หลังคาแผ่น Polycarbonate

• ข้อดี: แข็งแรงทนทาน ทนต่อรังสี UV น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย
• ข้อเสีย: ระบายอากาศได้ไม่ดี อาจร้อนอบอ้าว
• สรุปสั้นๆ: เหมาะกับการใช้งานถาวรหรือต้องการความแข็งแรงทนทาน

การเลือกหลังคาชิงช้าไม้ที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น งบประมาณ ความต้องการในการใช้งาน และสไตล์การตกแต่งบ้าน

หากต้องการหลังคาชิงช้าไม้ที่ราคาถูก น้ำหนักเบา และติดตั้งง่าย หลังคาผ้าใบแบบ Outdoor เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม

หากต้องการหลังคาชิงช้าไม้ที่แข็งแรงทนทานและสวยงาม หลังคาไม้ระแนงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม

หากต้องการหลังคาชิงช้าไม้ที่แข็งแรงทนทานและติดตั้งง่าย หลังคาแผ่น Polycarbonate เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม

ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำเพิ่มเติมในการเลือกหลังคาชิงช้าไม้:

• พิจารณาสภาพอากาศในพื้นที่ของคุณ หากพื้นที่ของคุณมีฝนตกบ่อย ให้เลือกหลังคาที่ทนต่อน้ำและความชื้น
• เลือกหลังคาที่เข้ากับสไตล์การตกแต่งบ้านของคุณ
• ตรวจสอบวัสดุและคุณภาพของหลังคาก่อนตัดสินใจซื้อ

7. ชิงช้าไม้ ทำสีแบบ Outdoor โดยเฉพาะ

• การเลือกชิงช้าไม้ที่ทำสีแบบ Outdoor จะทำให้คุณสามารถใช้งานกลางแจ้งได้เป็นอย่างดี

8. สามารถเลือก Option อื่นๆได้

• 8.1 เจาะที่วางแก้ว เพิ่มที่วางของ
• 8.2 เพิ่มเบาะผ้าแบบ Outdoor หรือหมอนอิง รวมถึงทำแบบถอดซักได้
• 8.3 วัสดุแขวน เช่น เลือกแบบโซ่ สลิง หรือเชือกมะนิลา

9. มีทีมช่างของโรงงาน ให้บริการดูและวัดหน้างานก่อนการติดตั้งจริง

• การมีทีมช่างวัดหน้างานก่อนการติดตั้งจริง จะช่วยลดความผิดพลาดในการติดตั้ง

10. งานทุกชิ้นของทางโรงงาน มีการรับประกันสินค้าทุกชิ้น 1 ปี

• การมีการรับประกันสินค้า จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ

11. มีทีมงานขายเฉพาะ คอยส่งรูป Update ตลอดกระบวนการผลิตชิงช้าไม้

• การมีทีมงานขายเฉพาะ จะทำให้คุณได้รับการอัพเดทรูปภาพตลอดกระบวนการผลิต

12. ทีมงานออกแบบ จะคอยดูแล ให้คำปรึกษาฟรี

• การมีทีมงานออกแบบคอยให้คำปรึกษา จะทำให้คุณได้รับคำแนะนำที่ดีที่สุด

13. ทีมงานออกแบบดูแลตลอด ตั้งแต่ต้นจนผลิต ติดตั้งเสร็จ จนปิดงาน

• การมีทีมงานออกแบบดูแลตลอด จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณได้รับการดูแลที่ดีที่สุด

14. ทีมช่างของทางโรงงานเอง ทำการจัดส่งติดตั้งที่บ้านลูกค้าทุกท่าน

• การมีทีมช่างของโรงงานเอง จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณได้รับการติดตั้งที่มีคุณภาพ

15. ทีมงานขาย คอยให้บริการตั้งแต่ต้น จนจบงาน ทั้งก่อนและหลังการขาย

• การมีทีมงานขายคอยให้บริการ จะทำให้คุณได้รับการดูแลที่ดีที่สุด

16. ทีมงานขาย คอยให้บริการตั้งแต่ต้น จนจบงาน ทั้งก่อนและหลังการขาย

• การมีทีมงานขายคอยให้บริการ จะทำให้คุณได้รับการดูแลที่ดีที่สุด

เพื่อนๆ หากคุณกำลังมองหาชิงช้าไม้สักหรือชิงช้าไม้ที่มีคุณภาพ และเหมาะสมกับบ้านของคุณ อย่าลืมติดต่อเราที่โรงงานเพื่อรับคำปรึกษาและบริการที่ดีที่สุด!

15 คำแนะนำจากนักออกแบบ ตู้รองเท้าหน้าบ้าน ที่วางรองเท้าหน้าบ้าน

แนะนำเบื้องต้น:

สวัสดีครับเพื่อน ๆ! วันนี้ผมมาแนะนำ 15 คำแนะนำจากประสบการณ์ 23 ปี ในการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ไม้สัก ของโรงงานเรา สำหรับ ตู้รองเท้าหน้าบ้าน และ ที่วางรองเท้าหน้าบ้าน มาดูกันครับ!

1. สำรวจความต้องการก่อน

• ก่อนอื่นเลยคือการสำรวจความต้องการ ว่าต้องการ ตู้รองเท้าหน้าบ้าน หรือ ที่วางรองเท้าหน้าบ้าน ที่มีรายละเอียดอย่างไร เช่น จำนวนรองเท้า, ขนาดพื้นที่, และวัสดุที่ต้องการ.

2. การเลือกวัสดุ

• วัสดุเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นไม้จริง หรือวัสดุอื่นๆ ที่ต้องการใช้สำหรับการผลิต.

3. หา Idea ก่อนการสรุป Spec

• การหาไอเดียจากแหล่งต่างๆ จะช่วยให้ได้ ตู้รองเท้าหน้าบ้าน ที่เหมาะสมและเป็นที่ต้องการของคุณมากยิ่งขึ้น.

4. สรุป Spec และวัดพื้นที่จริง

• หลังจากได้ไอเดียแล้ว ควรสรุป Spec และวัดพื้นที่จริง รวมถึงการเลือกโทนสีที่เหมาะสม.

5. การเลือกโทนสี

• โทนสีที่เหมาะสมจะช่วยให้ ตู้รองเท้าหน้าบ้าน หรือ ที่วางรองเท้าหน้าบ้าน ของคุณเข้ากับบรรยากาศของบ้านมากยิ่งขึ้น.

6. การเลือกดีไซน์

• ดีไซน์ที่เหมาะสมจะทำให้การใช้งานเป็นไปอย่างง่ายดาย และเพิ่มความสวยงามให้กับพื้นที่.

7. การเลือกขนาด

• ขนาดที่เหมาะสมจะทำให้ ตู้รองเท้าหน้าบ้าน หรือ ที่วางรองเท้าหน้าบ้าน ไม่ทำให้พื้นที่ดูแคบไปหรือกว้างเกินไป.

8. การเลือกตำแหน่งการติดตั้ง

• ตำแหน่งที่ดีจะช่วยให้การใช้งานเป็นไปอย่างง่ายดาย และไม่ก่อให้เกิดความรบกวนกับการเดินทางในบ้าน.

9. การเลือกวัสดุเสริม

• วัสดุเสริม เช่น กระจกเทมเปอร์ หรือวัสดุอื่นๆ ที่สามารถเพิ่มความสวยงามและความทนทาน.

10. การเลือกการเปิดปิด

• การเลือกการเปิดปิดที่เหมาะสม จะช่วยให้การใช้งานเป็นไปอย่างง่ายดาย.

11. การเลือกการจัดเก็บภายใน

• การจัดเก็บที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณเก็บรองเท้าและของใช้ได้อย่างเป็นระเบียบ.

12. การเลือกการระบายอากาศ

• การระบายอากาศที่ดีจะช่วยให้รองเท้าของคุณไม่มีกลิ่น และยืดอายุการใช้งาน.

13. การเลือกการติดตั้งแสงสว่าง

• แสงสว่างที่เหมาะสมจะช่วยให้พื้นที่ดูสว่างและเป็นมิตร.

14. การเลือกบริการหลังการขาย

• การเลือกบริการหลังการขายที่ดี จะทำให้คุณมั่นใจในคุณภาพและการบริการของเรา.

15. ติดต่อทีมงานออกแบบที่มีประสบการณ์

• การพูดคุยกับทีมงานที่มีประสบการณ์จะช่วยให้คุณได้ ตู้รองเท้าหน้าบ้าน ที่ตรงตามความต้องการ และยังมีการรับประกันสินค้า 1 ปี และบริการวัดหน้างานก่อนการผลิตจริง ทั้งนี้เพื่อให้คุณมั่นใจในคุณภาพและการบริการของเรา.

ประสบการณ์การติดตั้ง ตู้รองเท้าหน้าบ้าน และ ที่วางรองเท้าหน้าบ้าน ที่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่

• ในเร็ว ๆ นี้ทางโรงงานเราได้มีโอกาสไปติดตั้ง ตู้รองเท้าหน้าบ้าน ให้กับ คุณรพีพรรณ ที่บ้าน หมู่บ้านวิลล่าฟลอร่า ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ โดยเป็นงานสั่งทำตามแบบ โดยใช้วัสดุสมัยใหม่ เช่น กระจกเทมเปอร์ และมี Spec งานเป็นดังที่ระบุไว้ดังนี้
• ตู้โชว์ ตู้รองเท้า หน้าบ้าน ด้านข้างบันได สั่งทำตามแบบ ติดตั้งแบบ Fit in สวยงามลงตัวกับพื้นที่ ขนาดโดยรวม W35xL110xH267.50 cm.
• โครงบล็อคบอร์ดหนา 20 mm.
• ปิดด้วยลามิเนตลายไม้ 4336-EM
• ชั้นวางกระจกใสเทมเปอร์หนา 8 mm.
• บานด้านหน้าใช้ไม้สัก ทำเป็นซี่ๆ มือจับเฉียงบน
• บานด้านหลังปิดด้วยลามิเนตลายหินอ่อน AWS 14151 KM
• ติดตะแกรงระบายอากาศ 2 บาน มือจับเฉียงบน
• ด้านในมีชั้นวาง 3 ชั้น 4 ช่อง
• บานเปิด-ปิด Soft Close
• ติดไฟ Down light จำนวน 2 ดวง
• ทั้งนี้เพื่อให้เป็นตัวอย่างให้เพื่อน ๆ ได้เห็นเป็นตัวอย่างที่สวยงาม ปลกตาไปอีกแบบครับ.

สรุป: การเลือก ตู้รองเท้าหน้าบ้าน หรือ ที่วางรองเท้าหน้าบ้าน ไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าคุณมีคำแนะนำที่ดีเหมือนนี้ และทีมงานของเรายินดีที่จะให้คำปรึกษาและบริการคุณ

ติดต่อเรา: หากคุณต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม หรือต้องการให้ทีมงานของเราช่วยออกแบบ ติดต่อเราได้ทันทีครับ!

20 เคล็ดลับ สั่งทำตู้ใส่รองเท้าไม้จริง ชั้นวางรองเท้าไม้จริง ให้สวยลงตัว

แนะนำเบื้องต้น: การสั่งทำตู้ใส่รองเท้าไม้จริง และ ชั้นวางรองเท้าไม้จริง ไม่ใช่เรื่องยากถ้าคุณรู้เคล็ดลับที่ถูกต้อง! ในบทความนี้เราจะแนะนำ 20 เคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณสร้างตู้ใส่รองเท้าไม้จริง และชั้นวางรองเท้าไม้จริง ที่สวยงามและเหมาะสมกับพื้นที่ของคุณ แต่ถ้าคุณไม่รู้เรื่องเหล่านี้ อาจจะทำให้ตู้ใส่รองเท้าไม้จริง และชั้นวางรองเท้าไม้จริง ไม่เหมาะสมกับพื้นที่และความต้องการของคุณ

ข้อที่ 1: ลูกค้าสำรวจความต้องการ

การสำรวจความต้องการ

เริ่มต้นด้วยการสำรวจความต้องการของคุณว่าต้องการ ตู้ใส่รองเท้าไม้จริง หรือ ชั้นวางรองเท้าไม้จริง แบบใด และใส่รองเท้ากี่คู่

วิธีการคำนวณขนาดตู้รองเท้าไม้จริง โดยใช้สูตร (จำนวนรองเท้า/2) x กว้าง x ยาว x สูง ในหน่วยเซนติเมตร:

1. คำนวณจำนวนรองเท้าที่คุณมี
2. แบ่งจำนวนรองเท้าที่คุณมีออกเป็นสองส่วน
3. คูณผลลัพธ์ที่ได้ด้วยขนาดความกว้าง ความสูง และความลึกของตู้รองเท้าในหน่วยเซนติเมตร
4. ผลลัพธ์ที่ได้คือขนาดตู้รองเท้าที่คุณต้องการ

ตัวอย่างเช่น หากคุณมีรองเท้า 10 คู่ ตู้รองเท้าของคุณควรมีขนาดความกว้าง 60 เซนติเมตร ความสูง 90 เซนติเมตร และความลึก 30 เซนติเมตร

นี่คือตารางขนาดตู้รองเท้าไม้จริงที่แนะนำตามจำนวนรองเท้า ในหน่วยเซนติเมตร:

โปรดทราบว่านี่เป็นเพียงคำแนะนำเท่านั้น คุณสามารถปรับขนาดตู้รองเท้าให้ใหญ่ขึ้นหรือเล็กลงได้ตามความต้องการ

ข้อที่ 2: พื้นที่และการออกแบบ

การเลือกพื้นที่และการออกแบบ

พิจารณาพื้นที่ที่ต้องการวาง ตู้ใส่รองเท้าไม้จริง หรือ ชั้นวางรองเท้าไม้จริง และเลือกแบบที่เหมาะสม เช่น บ้านอาจใช้พื้นที่แนวราบ คอนโดอาจใช้พื้นที่แนวดิ่ง เนื่องจากข้อจำกัดของพื้นที่

ข้อที่ 3: สำรวจพื้นที่ที่หน้าบ้าน

การวัดหน้างานคร่าวๆ

สำรวจพื้นที่ที่หน้าบ้าน หรือพื้นที่จัดวาง ตู้ใส่รองเท้าไม้จริง หรือ ชั้นวางรองเท้าไม้จริง ของคุณ วัดขนาดให้มีขนาดเหมาะสม ไม่เล็ก ไม่ใหญ่ จนเกินไป

ข้อที่ 4: เลือกวัสดุทำตู้ใส่รองเท้าไม้จริง

การเลือกวัสดุ

เลือกวัสดุที่ต้องการเป็นไม้ชนิดใด เช่น ไม้สักเก่า, ไม้โอ๊ค, ไม้อัด HMR ฯลฯ การเลือกวัสดุที่เหมาะสมจะส่งผลต่อความทนทานและความสวยงามของ ตู้ใส่รองเท้าไม้จริง และ ชั้นวางรองเท้าไม้จริง

ข้อที่ 5: สำรวจข้อมูลหลักและ Option

การเลือก Option ที่เหมาะสม

สำรวจและเลือก Option ที่เหมาะสมสำหรับ ตู้ใส่รองเท้าไม้จริง และ ชั้นวางรองเท้าไม้จริง เช่น จำนวนชั้น, แบบติดพื้น, ต้องการแบบลอยตัว, ต้องมีกุญแจล็อคหรือไม่ ฯลฯ

ข้อที่ 6: เลือกสีตู้ใส่รองเท้าไม้จริง

การเลือกสีที่เหมาะสม

ลูกค้าสามารถเลือกสี ตู้ใส่รองเท้าไม้จริง และ ชั้นวางรองเท้าไม้จริง ตั้งแต่สีอ่อนสุดถึงเข้มสุด เช่น สีอ่อนวอเตอร์เบส, สีแลคเกอร์กึ่งเงา, สีโอ๊คอ่อน ฯลฯ

ข้อที่ 7: เลือกผิวสัมผัสของตู้ใส่รองเท้าไม้จริง

การเลือกผิวสัมผัส

เลือกผิวสัมผัสของ ตู้ใส่รองเท้าไม้จริง และ ชั้นวางรองเท้าไม้จริง สามารถเลือกได้ทั้งแบบ ขัดเรียบ และกรอลาย เพื่อให้เหมาะกับทั้งความชอบและการนำไปใช้งาน

ข้อที่ 8: เลือกการทำสีตู้ใส่รองเท้าไม้จริง

การเลือกการทำสี

เลือกการทำสี ตู้ใส่รองเท้าไม้จริง และ ชั้นวางรองเท้าไม้จริง เช่น สีระบบแลคเกอร์, สีระบบ PU-โพลียูรีเทน ซึ่งแต่ละชนิดจะมีลักษณะเด่นและเหมาะกับการนำไปใช้งานที่แตกต่างกัน

ข้อที่ 9: แจ้งงบประมาณคร่าวๆ

การประเมินงบประมาณ

แจ้งงบประมาณคร่าวๆ ในการสั่งทำ ตู้ใส่รองเท้าไม้จริง และ ชั้นวางรองเท้าไม้จริง โดยสามารถปรึกษาทีมงานออกแบบก่อนได้ เพื่อให้เหมาะสมกับงบประมาณของคุณ

ข้อที่ 10: พูดคุยกับทีมงานออกแบบ

การปรึกษากับทีมงานออกแบบ

พูดคุยกับทีมงานออกแบบของโรงงานเรา ซึ่งจะคอยดูแลให้คำปรึกษาฟรี ตลอดการสั่งทำ ตู้ใส่รองเท้าไม้จริง และ ชั้นวางรองเท้าไม้จริง

ข้อที่ 11: ทีมงานออกแบบให้ข้อเสนอแนะ

การขึ้นแบบและจำลองแบบ 3D

ทีมงานออกแบบของเราจะให้ข้อเสนอแนะ พร้อมขึ้นแบบและจำลองแบบ 3D ตู้ใส่รองเท้าไม้จริง และ ชั้นวางรองเท้าไม้จริง แบบมีลิ้นชัก ให้กับลูกค้า

ข้อที่ 12: ทีมงานประเมินราคาให้ลูกค้าทราบ

การประเมินราคา

ทีมงานของเราจะประเมินราคา ตู้ใส่รองเท้าไม้จริง และ ชั้นวางรองเท้าไม้จริง แล้วแจ้งให้ลูกค้าทราบ เพื่อให้มั่นใจในการตัดสินใจ

ข้อที่ 13: สำรวจหน้างาน

การสำรวจหน้างาน

ถ้าจำเป็นต้องสำรวจหน้างาน ทางโรงงานมีทีมช่างให้บริการวัดหน้างาน เพื่อดูสถานที่ติดตั้ง ตู้ใส่รองเท้าไม้จริง และ ชั้นวางรองเท้าไม้จริง ที่หน้าบ้านของคุณ ก่อนทำการผลิตจริง

ข้อที่ 14: มีทีมงานขายเฉพาะคอยดูแล

การประสานงานและอัพเดท

มีทีมงานขายเฉพาะคอยดูแลแจ้งประสานความคืบหน้าของงาน แจ้งการจัดส่ง คอยส่งรูป Update ตู้ใส่รองเท้าไม้จริง และ ชั้นวางรองเท้าไม้จริง ตลอดกระบวนการผลิต

ข้อที่ 15: ทีมงานออกแบบคอยดูแลตั้งแต่ต้นจนจบงาน

การดูแลจากทีมงานออกแบบ

ทีมงานออกแบบของเราจะคอยดูแลตั้งแต่ต้น จนผลิต ติดตั้งเสร็จ จนปิดงาน ตู้ใส่รองเท้าไม้จริง และ ชั้นวางรองเท้าไม้จริง ลูกค้าสามารถสอบถามได้ตลอด

ข้อที่ 16: มีทีมช่างของทางโรงงานเอง

การจัดส่งและติดตั้ง

มีทีมช่างของทางโรงงานเอง ทำการจัดส่งติดตั้ง ตู้ใส่รองเท้าไม้จริง และ ชั้นวางรองเท้าไม้จริง ที่หน้าบ้าน บ้านลูกค้าทุกท่าน

ข้อที่ 17: ผลิตจากโรงงานที่มีประสบการณ์ 23 ปี

ประสบการณ์การผลิต

ผลิตจากโรงงานที่มีประสบการณ์การในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้สักมาแล้ว 23 ปี รับประกันคุณภาพและความเชี่ยวชาญ

ข้อที่ 18: มีการรับประกันสินค้าทุกชิ้น 1 ปี

การรับประกันสินค้า

งานทุกชิ้นของทางโรงงาน มีการรับประกันสินค้าทุกชิ้น 1 ปี ให้ความมั่นใจในคุณภาพของ ตู้ใส่รองเท้าไม้จริง และ ชั้นวางรองเท้าไม้จริง

ข้อที่ 19: ทีมงานขายคอยให้บริการตั้งแต่ต้นจนจบงาน

การบริการทั้งก่อนและหลังการขาย

ทีมงานขายของเราคอยให้บริการตั้งแต่ต้น จนจบงาน รวมถึงบริการทั้งก่อนและหลังการขาย After Sale Service สามารถแจ้งรายละเอียดและสอบถามได้ตลอด

ข้อที่ 20: ทีมงานขายคอยให้บริการตั้งแต่ต้นจนจบงาน

การบริการทั้งก่อนและหลังการขาย

ทีมงานขายของเราคอยให้บริการตั้งแต่ต้น จนจบงาน รวมถึงบริการทั้งก่อนและหลังการขาย After Sale Service สามารถแจ้งรายละเอียดและสอบถามได้ตลอด

สรุป

การสั่งทำ ตู้ใส่รองเท้าไม้จริง และ ชั้นวางรองเท้าไม้จริง ไม่ใช่เรื่องยากถ้าคุณทราบเคล็ดลับที่เหมาะสม และมีทีมงานมืออาชีพคอยให้คำปรึกษา ติดต่อเราเพื่อพูดคุยกับทีมออกแบบของโรงงานเราทันที และเริ่มสร้างตู้ใส่รองเท้าที่สวยลงตัวในบ้านของคุณ

19 เคล็ดลับ สั่งทำตู้ชั้นวางรองเท้าไม้หน้าบ้าน ให้สวยลงตัว

แนะนำเบื้องต้น

การมีตู้รองเท้าไม้หน้าบ้านที่สวยงามและเหมาะสมกับพื้นที่สามารถเพิ่มความสวยงามและความสะดวกสบายในการใช้งานได้ แต่หากเลือกผิดแบบอาจทำให้พื้นที่ดูแคบและไม่สะดวก

1. สำรวจความต้องการ

ลูกค้าสำรวจความต้องการว่าอยากได้ตู้ชั้นวางรองเท้าไม้หน้าบ้านแบบใด

ใส่รองเท้ากี่คู่

วิธีการคำนวณขนาดตู้ชั้นวางรองเท้าไม้สำหรับใส่รองเท้า:

1. คำนวณจำนวนรองเท้าที่คุณมี โดยนับจำนวนรองเท้าในแต่ละประเภท เช่น รองเท้าแตะ รองเท้าผ้าใบ รองเท้าหนัง ฯลฯ
2. คำนวณขนาดของรองเท้าแต่ละคู่ โดยวัดความกว้าง ความสูง และความยาวของรองเท้าแต่ละคู่
3. คำนวณพื้นที่รวมของตู้ชั้นวางรองเท้า โดยคูณจำนวนรองเท้าในแต่ละประเภทด้วยขนาดของรองเท้าแต่ละคู่
4. เพิ่มพื้นที่ว่างเล็กน้อยเพื่อจัดเก็บอุปกรณ์อื่นๆ เช่น แปรงขัดรองเท้า ครีมขัดรองเท้า ฯลฯ
5. เลือกตู้ชั้นวางรองเท้าที่มีขนาดใกล้เคียงกับพื้นที่รวมที่คำนวณไว้

2. ดูพื้นที่ว่า คุณต้องการออกแบบตู้ชั้นวางรองเท้าไม้สำหรับใส่รองเท้ารูปแบบใด

ให้ดูพื้นที่ว่าต้องการออกแบบแบบใด

เช่น บ้านอาจจะใช้พื้นที่แนวราบได้มากว่าคอนโด เลือกให้เหมาะสม

ตัวอย่างตู้ชั้นวางรองเท้าไม้สำหรับบ้าน และคอนโด:

• บ้าน
  • ตู้ชั้นวางรองเท้าแบบเปิดโล่ง ช่วยให้รองเท้าของคุณดูเรียบร้อยและสวยงาม
  • ตู้ชั้นวางรองเท้าแบบปิดทึบ ช่วยให้รองเท้าของคุณปลอดภัยจากฝุ่นและความชื้น
  • ตู้ชั้นวางรองเท้าแบบมีลิ้นชัก ช่วยให้คุณสามารถจัดเก็บอุปกรณ์อื่นๆ ของคุณได้อย่างสะดวก
  • ตู้ชั้นวางรองเท้าแบบมีชั้นวาง ช่วยให้คุณสามารถจัดเก็บรองเท้าของคุณได้หลายคู่
• คอนโด
  • ตู้ชั้นวางรองเท้าแบบบันได ช่วยให้คุณสามารถจัดเก็บรองเท้าของคุณได้หลายคู่ในแนวตั้ง
  • ตู้ชั้นวางรองเท้าแบบตะแกรง ช่วยให้รองเท้าของคุณมีอากาศถ่ายเทได้ดี
  • ตู้ชั้นวางรองเท้าแบบลิ้นชัก ช่วยให้คุณสามารถจัดเก็บอุปกรณ์อื่นๆ ของคุณได้อย่างสะดวก

เลือกชนิดของตู้ชั้นวางรองเท้าไม้แบบลอยตัว หรือแบบ Fit in มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนี้

ตู้ชั้นวางรองเท้าไม้แบบลอยตัว

ข้อดี:

• สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก
• ติดตั้งง่าย
• ประหยัดพื้นที่
• มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบและดีไซน์

ข้อเสีย:

• ไม่แข็งแรงทนทานเท่าแบบ Fit in
• อาจไม่ปลอดภัยสำหรับเด็กเล็ก
• อาจไม่เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่จำกัด

ตู้ชั้นวางรองเท้าไม้แบบ Fit in

ข้อดี:

• แข็งแรงทนทานกว่าแบบลอยตัว
• ปลอดภัยสำหรับเด็กเล็ก
• เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่จำกัด
• สวยงามและเข้ากันกับเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ในบ้าน

ข้อเสีย:

• ติดตั้งยากกว่าแบบลอยตัว
• อาจไม่เคลื่อนย้ายได้สะดวก
• อาจมีราคาแพงกว่าแบบลอยตัว

ข้อสรุป

ตู้ชั้นวางรองเท้าไม้แบบลอยตัวเหมาะสำหรับบ้าน คอนโด ที่มีพื้นที่จำกัดและต้องการความสะดวกในการเคลื่อนย้าย ส่วนตู้ชั้นวางรองเท้าไม้แบบ Fit in เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่กว้างขวาง ต้องการความแข็งแรงทนทานและความปลอดภัยสำหรับเด็กเล็ก

3. สำรวจพื้นที่ที่หน้าบ้านของคุณ

ให้สำรวจพื้นที่ที่หน้าบ้านของคุณ

วัดหน้างานคร่าวๆ โดยดูพื้นที่และขนาดตู้ชั้นวางรองเท้าไม้หน้าบ้านให้มีขนาดเหมาะสม

ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติมในการเลือกตู้ชั้นวางรองเท้า:

• วัสดุของตู้ชั้นวางรองเท้า ควรทำจากวัสดุที่แข็งแรงทนทาน เช่น ไม้
• สีของตู้ชั้นวางรองเท้า ควรเลือกให้เข้ากับสไตล์การตกแต่งบ้านของคุณ
• ขนาดของตู้ชั้นวางรองเท้า ควรเลือกให้เหมาะสมกับจำนวนรองเท้าที่คุณมีและพื้นที่ที่คุณมี
• ฟังก์ชันการใช้งานของตู้ชั้นวางรองเท้า ควรเลือกให้ตรงกับความต้องการของคุณ เช่น มีลิ้นชักสำหรับเก็บอุปกรณ์อื่นๆ หรือมีที่วางรองเท้าแตะ

4. เลือกวัสดุทำตู้ชั้นวางรองเท้าไม้หน้าบ้าน

เลือกวัสดุทำตู้ชั้นวางรองเท้าไม้หน้าบ้าน

เช่น ไม้สักเก่า , ไม้เนื้อแข็งเก่า (ไม้เต็ง ไม้รัง ไม้เปาหรือไม้รัง) ,ไม้ยางพาราประสาน , ไม้อัด HMR หรืออื่นๆ

5. สำรวจข้อมูลหลักและ Option

สำรวจข้อมูลหลักและ Option ของตู้ชั้นวางรองเท้าไม้หน้าบ้าน

เช่น จำนวนชั้น, แบบติดพื้น, ต้องการแบบลอยตัว, ต้องมีกุญแจล็อคหรือไม่

5.1 จำนวนชั้น จำนวนลิ้นชัก
5.2 แบบติดพื้น แบบยกจากพื้น
5.3 ต้องการแบบลอยตัว หรือ Fit in ติดตั้งลงตัวกับพื้นที่
5.4 ต้องการ Fitting หรือไม่ เช่น Shoe Rack Cabinet , แบบ Soft Close , เลือกแบบมือจับ
5.5 ต้องมีกุญแจล็อคหรือไม่
5.6 ตู้ชั้นวางรองเท้าไม้หน้าบ้านมีการลบเหลี่ยม ลบมุม ตู้หรือไม่
5.7 ตู้ชั้นวางรองเท้าไม้หน้าบ้าน มีการแต่งเหล็กหรือไม่
5.8 ตู้ชั้นวางรองเท้าไม้หน้าบ้าน ต้องการแบบเรียบ ต้องการแบบไม้ระแนง
5.9 ต้องมีช่องระบายอากาศไหม หรือ ต้องมีมุ้งลวดกันแมลงไหม

6. เลือกสีตู้ชั้นวางรองเท้าไม้หน้าบ้าน

เลือกสีตู้ชั้นวางรองเท้าไม้หน้าบ้าน

ตั้งแต่สีอ่อนสุดถึงเข้มสุด เช่น สีอ่อนวอเตอร์เบส สีแลคเกอร์กึ่งเงากึ่งด้าน สีเสี้ยนดำ สีเสี้ยนขาว หรือสีโอ๊คอ่อน โอ๊คกลาง โอ๊คเข้ม สีดำ สีย้อม หรือสี Outdoor เป็นต้น หรือ หน้าโต๊ะเป็นสีไม้ธรรมชาติขาโต๊ะทำเป็นสีดำ หรือหน้าโต๊ะเป็นไม้ขาเป็นเหล็กสีดำด้าน เป็นต้น

7. เลือกผิวสัมผัสของตู้ชั้นวางรองเท้าไม้หน้าบ้าน

เลือกผิวสัมผัสของตู้ชั้นวางรองเท้าไม้หน้าบ้าน

สามารถเลือกได้ทั้งแบบ ขัดเรียบ และกรอลาย

8. เลือกการทำสีตู้ชั้นวางรองเท้าไม้หน้าบ้าน

เลือกการทำสีตู้ชั้นวางรองเท้าไม้หน้าบ้าน

เช่น สีระบบแลคเกอร์, สีระบบ PU-โพลียูรีเทน , สีระบบ Outdoor

9. แจ้งงบประมาณคร่าวๆ

แจ้งงบประมาณคร่าวๆ ในการสั่งทำตู้ชั้นวางรองเท้าไม้หน้าบ้าน

สามารถปรึกษาทีมงานออกแบบก่อนได้

10. พูดคุยกับทีมงานออกแบบ

พูดคุยกับทีมงานออกแบบ

ซึ่งจะคอยดูแลให้คำปรึกษาฟรี ตลอดการสั่งทำตู้ชั้นวางรองเท้าไม้หน้าบ้าน

11. ทีมงานออกแบบให้ข้อเสนอแนะ

ทีมงานออกแบบให้ข้อเสนอแนะ

พร้อมขึ้นแบบ และจำลองแบบ 3D ตู้ชั้นวางรองเท้าไม้หน้าบ้าน แบบมีลิ้นชัก

12. ทีมงานประเมินราคาให้ลูกค้าทราบ

ทีมงานประเมินราคาให้ลูกค้าทราบ

เพื่อให้ลูกค้ามีข้อมูลในการตัดสินใจ

13. สำรวจหน้างาน

ถ้าจำเป็นต้องสำรวจหน้างาน

ทางโรงงานมีทีมช่างให้บริการวัดหน้างาน เพื่อดูสถานที่ติดตั้งตู้ชั้นวางรองเท้าไม้หน้าบ้าน

14. มีทีมงานขายเฉพาะคอยดูแล

มีทีมงานขายเฉพาะคอยดูแล

แจ้งประสานความคืบหน้าของงาน แจ้งการจัดส่ง คอยส่งรูป Update ตู้ชั้นวางรองเท้าไม้หน้าบ้าน

15. ทีมงานออกแบบจะคอยดูแล

ทีมงานออกแบบจะคอยดูแล

ตั้งแต่ต้น จนผลิต ติดตั้งเสร็จ จนปิดงาน

16. มีทีมช่างของทางโรงงานเอง

มีทีมช่างของทางโรงงานเอง

ทำการจัดส่งติดตั้งตู้ชั้นวางรองเท้าไม้หน้าบ้าน ที่หน้าบ้าน บ้านลูกค้าทุกท่าน

17. ผลิตจากโรงงานที่มีประสบการณ์

ผลิตจากโรงงานที่มีประสบการณ์

ในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้สักมาแล้ว 23 ปี

18. งานทุกชิ้นของทางโรงงานมีการรับประกัน

งานทุกชิ้นของทางโรงงานมีการรับประกันสินค้าทุกชิ้น 1 ปี

เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในคุณภาพ

19. ทีมงานขายคอยให้บริการ

ทีมงานขายคอยให้บริการ

ตั้งแต่ต้น จนจบงาน รวมถึงบริการทั้งก่อนและหลังการขาย After Sale Service

สรุปทั้งหมด

การสั่งทำตู้ชั้นวางรองเท้าไม้หน้าบ้านไม่ใช่เรื่องยาก ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์ และคำแนะนำที่ชัดเจน คุณสามารถได้ตู้ชั้นวางรองเท้าที่สวยงามและเหมาะสมกับบ้านของคุณได้

ติดต่อเข้ามาพูดคุยกับทีมออกแบบของโรงงานเราทันที เพื่อสร้างตู้รองเท้าไม้หน้าบ้านที่สวยงามและเหมาะสมกับคุณ!